![กลยุทธ์ธุรกิจ](https://www.theprojectone.co/wp-content/uploads/2024/07/blog-07-1024x538.jpg)
ในการเดินป่าเราจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเราจะไปที่ไหน ถึงเมื่อไหร่ ที่เป็นตัวกำหนดไม่ให้เราเดินมั่วซั่วไปเรื่อย แต่เราจะไม่มีทางไปถึงได้เลยถ้าไม่มี ‘แผนการเดินทางไปยังเป้าหมาย’ แบบที่ยังมีชีวิตรอด อาหารไม่หมด หรือไม่โดนเสือคาบไปกิน
เช่นเดียวกับในการทำธุรกิจหรือการสร้างสิ่งใหม่ที่เรียกว่านวัตกรรม (Innovation) ที่เราก็จะต้องมีแผนการที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายนั้นเช่นกัน ซึ่งแผนกลยุทธ์นี้เองก็คือทางเลือกต่างๆที่เราต้องตัดสินใจว่าทางไหนคือทางที่คุ้มที่สุดที่จะพาเราไปถึงที่หมาย
และนี่คือสิ่งที่คุณควรคำนึงถึง ถ้าคุณกำลังหมายมั่นปั้นกลยุทธ์ที่หวังจะเอาชนะในศึกครั้งนี้ให้จงได้ ว่ากลยุทธ์ที่ดีนั้นเป็นยังไง
1. บอกถึงสิ่งที่ต้องทำไม่ใช่มีแค่เป้าหมาย
เมื่อเป้าหมายชัด กลยุทธ์ที่สร้างมาก็ควรที่จะบอกให้ชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน เพื่อให้ทีมหรือคนทำงานจริงเห็นถึงวิธีเอาไปปฏิบัติ สามารถมองต่อยอดแผนและมองเห็นสิ่งที่เขาจะต้องเอาไปทำในงานประจำวันของตัวเองได้ ไม่ใช่แค่ภาพใหญ่ๆ ฉะนั้นเวลาคิดกลยุทธ์เราจึงต้องสวมหมวกในมุมของคนทำจริงๆด้วย ตั้งแต่หัวหน้าไปจนถึงพนักงาน
ยกตัวอย่าง Hornby Hobbies บริษัทขายรถไฟของเล่น ที่ต้องการเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้บริษัทล้มละลาย ระบุแผนกลยุทธ์ว่า
เราจะเปลี่ยนกลยุทธ์ไปโฟกัสลูกค้าที่เป็นนักสะสมผู้ใหญ่แทนเด็ก โดย
- เปลี่ยนจากของเล่นเด็กเล่น เป็นรถไฟเสมือนจริงแบบย่อส่วน
- โฟกัสที่การขายไปที่ผู้ใหญ่
- ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกย้อนวัย (Nostalgia)
นี่คือตัวอย่างที่ไม่ใช่มีภาพใหญ่ๆ แต่ย่อยให้ชัดเจนขึ้นเพื่อให้ทีมเห็นภาพเดียวกันแล้วลงมือทำได้จริง
2. มีเหตุผลรองรับในทางเลือกที่จะไป
ทุกๆทางเลือกจำเป็นที่จะต้องมีเหตุผลรองรับว่าทำไมเราถึงต้องทำแผนนั้นแผนนี้ นอกจากจะเป็นการ Double Check แล้ว ข้อดีที่สำคัญมากอีกอย่างคือ คนที่นำแผนไปปฏิบัติจะได้รู้วิธีคิดเบื้องหลังแผนนี้ และ ต่อยอดให้สอดคล้องได้ด้วยตัวเอง
เช่น บริษัท Hornby Hobbies บริษัทขายรถไฟของเล่นที่โฟกัสการขายไปที่ผู้ใหญ่ ก็เพราะว่า ผู้ใหญ่เป็นคนที่มีกำลังจ่ายมากกว่าเด็ก และ เวลาที่ผู้ชื่นชอบอะไรในชีวิตเขามักจะไม่ค่อยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนเด็กแล้ว พอเขาชอบแล้วชอบเลยเขาก็มีโอกาสซื้อซ้ำได้สูง
ซึ่งเมื่อทีมงานรู้ถึงเหตุผลเหล่านี้ เขาก็สามารถเอาเรื่องนี้ไปขยี้เป็นไอเดียต่อได้อีกมากมาย และใช้เป็นจุดตัดสินใจได้เช่นกัน
3. ส่งเสริมจุดแข็งของตัวเอง
กลยุทธ์ก็คล้ายการออกรบที่ต้องรู้จุดยุทธศาสตร์ที่เราได้เปรียบ เพื่อไม่ให้เราต้องสูญเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ และเพิ่มโอกาสในการรับชัยชนะ ซึ่งในโลกธุรกิจเราจำเป็นต้องดูให้ดีว่า สนามที่เรากำลังจะลงไปเล่นนั้นเราพร้อมไหมทั้ง กลุ่มลูกค้า (Segment) , โปรดักส์หรือการบริการที่เอามาตอบโจทย์ (Product & Service) และ ช่องทางที่ใช้ (Channel)
แผนเหล่านั้นต้องสอดคล้องกับสิ่งที่เราทำได้ดี, เชี่ยวชาญ, มี Learning Curve ต่ำ หรือได้เปรียบคนอื่นในตลาด และที่สำคัญคนอื่นเลียนแบบเราได้ยาก สิ่งนี้จะทำให้เรามีแต้มต่อและประหยัดเวลาในการไปถึงเป้าหมายได้มหาศาล
4. ไม่ปิดกั้นความสร้างสรรค์
หลายๆกลยุทธ์มักจะถูกกำหนดโดยเบื้องบน หรือ ผู้นำของบริษัทซึ่งก็ถูกต้องที่เขาจะต้องเป็นคนกำหนดทิศทางของธุรกิจ แต่บางครั้งถ้ากลยุทธ์นั้นๆรัดกุมหรือละเอียดเกินไปก็อาจจะทำให้ทีมงานไม่ได้ฉายแสงความสร้างสรรค์ของตัวเองออกมา ดีไม่ดีสิ่งนั้นอาจจะเป็นทางรอดของบริษัทก็ได้
ความสร้างสรรค์เป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างความแตกต่างที่เป็นปัจจัยของความสำเร็จ เมื่อเราตั้งแผนมาก็ควรที่จะต้องมีพื้นที่ยืดหยุ่นให้กับทีมงานได้ทดลองไอเดียต่างๆ แต่ต้องยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายเดียวกัน
คล้ายกับวัฒนธรรม “Selected out” ของ Intel ที่ส่งเสริมให้พนักงานได้ทดลองสิ่งต่างๆ เวิร์คคัดเข้าไม่เวิร์คคัดออก จนทำให้ Intel เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้
5. ไปถึงเป้าหมายได้จริง
เป็นการอันตรายอย่างมากอยากแผนกลยุทธ์ที่วางมานั้นเป็นกับดัก! ก่อนที่เราจะเอาแผนไปใช้จริงเราควรจะมั่นใจก่อนว่าแผนนี้ทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้จริง โดยเฉพาะสองเรื่องที่เราควรคิดถึงคือ เงินหรือผลตอบแทน (Financial) และ การทำได้จริง (Feasibility)
กลยุทธ์ที่จะไปใช้จริงควรที่จะต้องผ่านการตรวจสอบ (Strategy Validate) ก่อนว่าจะทำให้เราถึงเป้าการเงินจริงๆไหม โดยดูจาก Market size และประเมินรายได้ รวมถึงวิธีการนั้นเราทำไหวไหม ทีมทำได้จริงหรือเปล่า ตลาดดุเดือดเกินสายป่านของเงินทุนของเราขนาดไหน เรื่องนี้จำเป็นต้องตรวจสอบเพื่อเลือกเส้นทางกลยุทธ์ที่ได้เปรียบกับเราที่สุด
และนี่ก็คือ 5 สิ่งสำคัญของกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ อย่าลืมนำไปใช้ตรวจสอบแผนการต่างๆของเราก่อนจะออกเดิน และที่สำคัญท้ายสุดคือกลยุทธ์ของเรานั้นควรวัดผลที่จับต้องได้ เพราะกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบอาจไม่มีจริง สิ่งสำคัญคือการวัดผลและพัฒนาระหว่างเดินทางให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะได้ช่วยเป็นตัวการันตีความสำเร็จของธุรกิจหรือนวัตกรรม (Innovation) ของเราได้มากยิ่งขึ้น ขอบคุณครับ