3 ระดับในการเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้แก้ปัญหาธุรกิจ และคุณจะรู้ว่าธุรกิจของคุณตอนนี้ เหมาะกับการเอาเทคโนโลยีมาใช้แค่ไหน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำธุรกิจนั้นคืองานแก้ปัญหา ไม่ว่าบริษัทหรือองค์กรคุณจะเพิ่งก่อตั้ง หรือ ยืนระยะมาอย่างยาวนาน ก็มักจะมีปัญหามาให้ท้าทายอยู่เรื่อยๆ ทั้งปัญหาใหม่ๆที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต หรือปัญหาที่หมกไว้ใต้พรมที่ไม่ได้แก้ซักทีและมักจะมาคอยถ่วงขาเราเดินสู่ความสำเร็จช้าไปเรื่อยๆ บริษัทหลายๆแห่งจึงเริ่มมองหาทางออก และ จบปัญหาเหล่านี้ด้วยการใช้ ‘เทคโนโลยี’ เข้ามาช่วย
นั้นก็เพราะความสามารถพิเศษของเทคโนโลยี คือ
- เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : ใช้เวลาน้อยลงแต่ได้งานที่ดีมากขึ้น โดยที่ต้นทุนน้อยกว่าเดิม
- ช่วยตัดสินใจเรื่องยากๆ : ทุ่นแรงในการรวบรวม วิเคราะห์ เฝ้าระวัง และ ทำนายผลที่เกินข้อจำกัดของมนุษย์
- ช่วยเอาชนะตลาด : เทคโนโลยีจะช่วยเราเข้าถึงโอกาสใหม่ๆก่อนคู่แข่ง และสร้างความได้เปรียบในการสร้างรายได้จากการตอบโจทย์ลูกค้าแบบที่ธุรกิจแบบเดิมยากที่จะทำได้
แน่นอนว่าก่อนที่เราจะเริ่มแก้ เราก็ต้องรู้ก่อนว่าเรานั้นมีปัญหาอะไร ซึ่งในที่นี่หลายๆคนก็คงรู้ปัญหาที่ตัวเองกำลังเผชิญไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว วันนี้เราเลยจะลองมายกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า ถ้าพวกเรามีความคิดว่าอยากจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยธุรกิจ เราจะต้องเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ถึงระดับไหนถึงจะเหมาะสมกับ Stage ปัจจุบันของธุรกิจตัวเอง
![Digitization (ดิจิไทเซชั่น) คือ การแปลงจากข้อมูลอะไรก็ตามที่อยู่ในรูปแบบ Physical ให้เป็น Digital](https://www.theprojectone.co/wp-content/uploads/2024/08/Screenshot-2567-08-12-at-14.20.27-1024x537.jpg)
Stage 1: Digitization
Checklist ปัญหาเหล่านี้เกิดกับธุรกิจคุณไหม
- เป็นธุรกิจมีที่เอกสารต้องใช้เป็นกระดาษเต็มไปหมด เปลือง เก็บยาก แถมดันหายง่าย
- เข้าถึงและส่งต่อลำบาก เสียเวลา จะใช้งานทีก็ต้องหอบไปทุกที่
- เอามาวิเคราะห์ต่อยาก อย่าว่าแต่วิเคราะห์เลย แค่จะจัดการแก้ไขแต่ละทีก็วุ่นวายไปหมด
ถ้าธุรกิจคุณเจอปัญหาเหล่านี้ Stage นี้เหมาะกับคุณ
Digitization (ดิจิไทเซชั่น) คือ การแปลงจากข้อมูลอะไรก็ตามที่อยู่ในรูปแบบกระดาษ (physical) หรือ analog เช่นเอกสาร รูปถ่าย video ต่างๆ แม้แต่การจดบันทึก หรือ สถิติต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบของ Digital เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บ แก้ไข ส่งต่อ และ ประมวลผล
ตัวอย่างในการปรับใช้กับธุรกิจ
- เปลี่ยนจากเอกสารที่เป็นกระดาษล้วนๆ มาอยู่ในรูปแบบไฟล์ PDF, Words, Excel ไม่ว่าจะใช้วิธีการ Scan หรือ พิมพ์ อย่างน้อยๆให้เปิดส่งต่อง่าย อ่านง่ายๆได้ทุกที่ก็พอ
- ปรับการจดบันทึกด้วยลายมือ เช่น จดโน็ต จดคะแนน จดสถิติ หรือไอเดียที่ได้จากการทำ Brainstrom มาเก็บไว้ในคอม หรือ มือถือด้วย จะได้ค้นหา และ เอาไปวิเคราะห์ต่อได้
- โรงพยาบาลปรับการเก็บผลตรวจของคนไข้เป็นไฟล์, หนังสือนิตยสาร ปรับเป็น Ebook, ภาครัฐปรับเอกสารยืนตัวตนเป็นรูปแบบ Digital ID
และคงไม่ต้องพูดถึงข้อดีอะไรมาก เพราะอย่างที่เราเห็นกันว่ามันคือรากฐานแรก ก่อนที่จะนำเทคโนโลยีอื่นๆตามมาอีกเป็นโขยง ก็ต้องเริ่มจากการแปลงข้อมูลจาก Physical ให้เป็น Digital กันเสียก่อน จะเก็บบนเครื่อง หรือ บน Cloud (Internet) ก็แล้วแต่ แต่ปลายทางคือต้องง่ายในการจัดเก็บ แก้ไข เข้าถึง ส่งต่อ และ นำไปวิเคราะห์ได้
![Digitalization (ดิจิทัลไลเซชั่น) คือ การนำเทคโนโลยีหรือเครื่องมือต่างๆ มาปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอนการทำงานแต่ละจุดในธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ](https://www.theprojectone.co/wp-content/uploads/2024/08/Screenshot-2567-08-12-at-14.21.05-1024x572.jpg)
Stage 2: Digitalization
Checklist ปัญหาเหล่านี้เกิดกับธุรกิจคุณไหม
- กระบวนการทำงานซับซ้อน ต้องใช้พลังงาน และเวลาเยอะมากกว่าจะทำเสร็จแต่ละครั้ง แถมกินเวลาส่วนตัวอยู่บ่อยๆ
- ทำงานพลาดในบางจุดด้วยความที่กระบวนการเยอะ บางทีลืม ทำผิด สับสน ส่งผลลบต่อลูกค้าและธุรกิจ
- ความรู้กระจุกเชี่ยวชาญแค่บางคน จะถ่ายความรู้ให้คนอื่นมาช่วยก็ยาก เพราะรายละเอียดเยอะ น่าจะรับไม่ไหว
- ขยายธุรกิจไม่ได้ เพราะขยายก็ต้องมีต้นทุนเพิ่มคนที่เยอะอีก แต่ถ้าไม่ขยายธุรกิจก็ไม่โต
- ตัดสินใจได้ช้า เพราะกว่าจะเอาข้อมูลมาวิเคราะห์หา Insight ปัญหาก็บานปลายไปซะแล้ว
ถ้าธุรกิจคุณเจอปัญหาเหล่านี้ Stage นี้เหมาะกับคุณ
Digitalization (ดิจิทัลไลเซชั่น) คือ การนำเทคโนโลยีหรือเครื่องมือต่างๆ มาปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอนการทำงานแต่ละจุดในธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดความซับซ้อน ลดการทำซ้ำๆ ลดการใช้เวลา และ ลดข้อผิดพลาดให้ได้มากที่สุด โดยที่ยังได้งานมากขึ้นแต่ใช้ต้นทุนน้อยกว่าเดิม
ตัวอย่างในการปรับใช้กับธุรกิจ
- ธุรกิจหลายๆอุตสาหกรรมมีการใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป หรือ เหนือไปกว่านั้นคือสร้างซอฟต์แวร์ Custom ขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับความต้องการเฉพาะจุดขององค์กรนั้นๆที่สุด เช่น ระบบซอฟต์แวร์ CRM มาปรับปรุงกระบวนการขายและดูแลลูกค้า, ระบบซอฟต์แวร์ LMS เพื่อปรับปรุงกระบวนการเรียนและเทรนนิ่ง, ระบบ E-commerce หรือ POS เพื่ออัพเกรดระบบการขายหน้าร้านให้ง่ายยิ่งขึ้น, Inventory, Financial , HR และอื่นๆอีกมากมายที่ธุรกิจต้องการจะปรับปรุงกระบวนการภายใน
- Domino Pizza ปรับปรุงกระบวนการ Order โดยการนำระบบ Order Online มาใช้เพื่อให้ทั้งลูกค้าและพนักงานจัดการได้ง่ายขึ้น และ ระบบ GPS tracking ที่ช่วยให้ลูกค้าติดตามพิซซ่าของตัวเองได้ทุกเวลา ที่สำคัญยังช่วยวิเคราะห์เส้นทางในการขนส่งให้ดีขึ้นด้วย จน Domino Pizza มีรายได้มากขึ้นจากการจัดการที่ดีขึ้น ต้นทุนที่ลดลง และ ความพึงพอใจของลูกค้ามากกว่าเดิมจากความสะดวกที่ได้รับ
- บริษัทอย่าง Unilever ที่มีแบรนด์และสินค้าภายใต้บริษัทมหาศาลได้นำเรื่อง Data Analytic มาสร้างเป็น Real-time Dashboard สำหรับช่วยในกระบวนการวิเคราะห์ ติดตาม และ วัดผลสินค้า รวมถึงแคมเปญการตลาด เพื่อให้ง่ายในการตัดสินใจว่าควรจะลงทุนกับอะไรคุ้มที่สุด รวมถึงมีการใช้ AI มาช่วยทำนายรสชาติใหม่ๆที่จะมาใช้กับ Food Product อีกด้วย
โดยการที่ธุรกิจจะเริ่มปรับเอาเทคโนโลยีระดับ Digitalization มาใช้นั้น ธุรกิจจะต้องแสกนกรรม คลี่ปัญหาปัจจุบันออกมาก่อนว่ามีกระบวนการไหนของตัวธุรกิจที่มักจะมีปัญหา หาจุดที่ใช้เวลามาก และ ผิดพลาดในส่วนนั้นบ่อยๆ รวมไปถึงว่าเป็นจุดที่ยังดูแลลูกค้าได้ยังไม่ดีพอ ซึ่งทางธุรกิจอาจจะไป Research ในระดับคนทำงานและทำออกมาเป็น Service Blueprint หรือ Customer Journey เพื่อวิเคราะห์หาจุดที่คุ้มค่าในการที่จะปรับ หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีเพื่อมาร่วมกันหาไอเดียในการแก้ปัญหาปรับปรุงกระบวนการให้ราบรื่น เพื่อธุรกิจเติบโตมากยิ่งขึ้น
![Digital Transformation (ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน) คือ การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับทุกส่วนขององค์กรอย่างเต็มรูปแบบ](https://www.theprojectone.co/wp-content/uploads/2024/08/Screenshot-2567-08-12-at-14.21.18-1024x506.jpg)
Stage 3: Digital Transformation
Checklist ปัญหาเหล่านี้เกิดกับธุรกิจคุณไหม
- ไม่มี Innovation ใหม่ๆที่จะเป็นการเพิ่มโอกาสการเติบโตของธุรกิจ ทั้งๆที่มีความได้เปรียบจากTechnology, Internet และ AI อย่างมหาศาลในยุคนี้
- ต้องการหาจุดแตกต่างจากคู่แข่ง ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น และสามารถใช้เป็น Model ธุรกิจหลักที่จะสร้างรายได้ที่ยั่งยืนได้ในอนาคต
- การทำงานในองค์กรขับประสิทธิภาพไม่เต็มที่ ดันผลผลิตได้ไม่สุด ไม่ยืดหยุ่น งาน Manual เยอะ ขยายธุรกิจไม่ได้เพราะมีต้นทุนเรื่องคน
- มีลิมิตในการเติบโต อยากขยายเพดานของธุรกิจทั้งในด้านการแข่งขันทั้งภายนอก และ ทรัพยากรภายในให้แข็งแกร่ง คล่องตัว และต่อยอดให้เติบโตได้กว่าเดิมแบบไม่จำกัด
ถ้าธุรกิจคุณเจอปัญหาเหล่านี้ Stage นี้เหมาะกับคุณ
Digital Transformation (ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน) คือ การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับทุกส่วนขององค์กรอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งกระบวนการทำงาน โมเดลและกลยุทธ์ทางธุรกิจ แนวคิดของวัฒนธรรมองค์กรตั้งแต่ระดับผู้นำไปจนถึงผู้ปฏิบัติงาน เพื่อเป้าหมายคือทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆและส่งมอบคุณค่าสู่ลูกค้าที่เหนือกว่าผ่านเทคโนโลยี
ตัวอย่างในการปรับใช้กับธุรกิจ
- ตัวอย่างคลาสสิกอย่าง Netflix ที่จากเดิมเป็นร้านออฟไลน์เช่าดีวีดี ได้พลิกเกมมาทำธุรกิจออนไลน์ Video Streming เปลี่ยนตั้งแต่โมเดลธุรกิจ การทำการตลาด และต่อยอดโดยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้นด้วย Personalize Experience ที่ให้ผู้ใช้เจอหนังที่ตัวเองชอบได้แบบเฉพาะตัวที่สุด จนทำให้ Netflix ประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำในตลาดจนถึงปัจจุบันได้ในที่สุด
- K Bank เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในการทำ Transform ธุรกิจให้ตัวเองเหนือกว่าคู่แข่ง โดยใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนทิศทางองค์กรอย่างแท้จริงตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน และสร้างทีม KBTG เพื่อออกโปรดักส์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่าง K Plus, ขุนทอง ใช้ทวงเงิน, Make ไว้เก็บเงิน และอีกมากมาย โดยมากไปกว่านั้นยังมีการลงทุนในธุรกิจ Digital ใหม่ๆ ที่จะให้บริการครอบคลุมมากกว่าแค่การเงิน เพื่อขยายตลาดอีกด้วย
- บริษัทหลายๆแห่งทั้งไทย เช่น ดุสิตธานี, SCG, ปตท. และอีกมากมาย รวมถึงต่างประเทศ ก็ใช้ระบบ ERP (Enterprise resource planning) เข้ามาเป็นกระดูกสันหลังหลักขององค์กร เปลี่ยนจากการทำงาน Manual เดิมๆมาทำงานผ่านระบบ ครอบคลุมเชื่อมต่อกันทุกแผนกและสาขาให้ทำงานได้อย่างราบรื่น และ ลดข้อผิดพลาดลงจากการที่ปรับขั้นตอนการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย
ซึ่ง Digital Transformation เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก และใช้เวลานาน เพราะการทำให้สิ่งนี้สำเร็จต้องอาศัยความเข้าใจและร่วมมือจากทุกคนในองค์กร เพราะการ Transform จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มากทั้งระดับสกิลและทัศนคติ การทำ Digital Transformation จะครอบคลุมไปทุกๆส่วนขององค์กร ที่จะต้องพร้อมตั้งแต่นโยบาย กระบวนการ คน เทคโนโลยี และ การเงิน เพื่อให้ทุกคนในองค์กรมีขับเคลื่อนไปยังเป้าหมายเดียวกัน อาจจะต้องมีการเริ่มต้น เรียนรู้ ล้มเหลว ปรับปรุงบ่อยครั้ง แต่หากทำได้สำเร็จธุรกิจคุณจะเติบโตขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ด้วยเลย
และนี่ก็เป็นทั้งหมดของทั้ง 3 ระดับในการเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้แก้ปัญหาธุรกิจ หวังว่าทุกคนจะพอเห็นภาพและเริ่มที่จะสำรวจปัญหาของธุรกิจของตัวเอง ว่าถึงเวลาที่จะเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแล้วหรือยัง และ ถ้าถึงเวลาแล้ว ระดับไหนที่คุณควรจะต้อง เริ่มทำทันที!